สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 6 จังหวัดเชียงใหม่
Office of Agricultural Extension and Development Region 6, Chiang Mai

คลังความรู้

การจัดการศัตรูพืชโดยวิธีผสมผสานสู่ความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน

26 มี.ค. 2561
    กดที่รูปเพื่อขยาย

การฉีดพ่นสารเคมีในการป้องกันกำจัดศัตรูพืช มีผลกระทบหลายด้าน เช่นสุขอนามัยของผู้ใช้และผู้บริโภค การตกค้างในผลผลิตและสภาพแวดล้อมศัตรูพืชเกิดความต้านทานและระบาดเพิ่มขึ้น ทำลายสิ่งมีชีวิตที่มีประโยชน์เกิดปัญหาการค้า-ส่งออกสินค้าเกษตร เป็นต้น และพิษของสารเคมีนั้น เกิดได้ 2 แบบคือ แบบที่แสดงอาการทันทีคือพิษเฉียบพลัน(Acuse)หรืออาจมีการสะสมที่ละน้อยจนถึงขนาดหนึ่งแล้วจึงแสดงอาการเป็นแบบพิษเรื้อรัง(Chronic)สำหรับพิษเฉียบพลันเป็นพิษที่คนกลัวเพราะมองเห็นทันตาและมีอาการต่างๆ เช่น คอแห้งอ่อนเพลีย/เหนื่อยง่าย นอนไม่หลับ แน่นหน้าอก/ปวดเสียดที่ยอดอก ชา ปวดแสบตา คันตาตาพร่ามัว แสบจมูก เจ็บคอ ผิวหนังอักเสบ มึนงง เวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียนหัวใจเต้นช้า หวิว วาบหวาม ลำไส้บิดตัว ปวดท้อง กล้ามเนื้อกระตุก เกร็ง ชัก เหงื่อซึมน้ำลายฟูมปาก น้ำตาไหล ซึมลง หมดสติโคม่า ตับวาย ไต เสียชีวิต เป็นต้น สำหรับพิษเรื้อรังก็มีอันตรายน่ากลัวเช่นกันเพราะจะส่งผลระยะยาว เช่นการพัฒนาการของสมองผิดปกติในวัยเจริญเติบโต ปอดเป็นผังผืด หงุดหงิด งุ่นง่านซึมเศร้า ความจำเสื่อม ผิวหนังแข็งด้าน ฯลฯเป็นภัยเงียบที่น่ากลัวนอกจากนี้แล้วยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และสิ่งมีชีวิตที่มีประโยชน์ดังนั้นเกษตรกรควรหลีกเลียงการใช้สารเคมีในการป้องกันและกำจัดศัตรูพืชด้วยการจัดการศัตรูพืชโดยวิธีผสมผสาน

หลักการจัดการศัตรูพืชโดยวิธีผสมผสาน (IntegratedPest Management : IPM)

                1.ปลูกพืชให้แข็งแรงสมบูรณ์ สามารถทนทานต่อการทำลายของแมลงศัตรูพืชและโรคพืชโดยสายพันธุ์ดี เมล็ดพันธุ์ดี เตรียมพื้นที่เพาะปลูกดี ระยะปลูกเหมาะสมมีการปรับปรุงบำรุงดิน การจัดการปุ๋ย การจัดการน้ำและปลูกพืชหมุนเวียน

                2.ตรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ ทำให้รู้สถานการณ์และข้อมูลต่างๆในแปลงปลูกพืชทราบชนิดและปริมาณศัตรูพืช/ศัตรูธรรมชาติสามารถตัดสินใจในการเลือกวิธีการจัดการควบคุมศัตรูพืชและวางแผนป้องกันกำจัดศัตรูพืชทันต่อเหตุการณ์ได้

                3.อนุรักษ์ศัตรูธรรมชาติ ทั้งตัวห้ำตัวเบียนและจุลินทรีย์ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีใช้สารกำจัดศัตรูพืชที่มีความปลอดภัย เช่น สารชีวภัณฑ์ สารสกัดธรรมชาติจากพืชรวมทั้งเพิ่มปริมาณศัตรูธรรมชาติโดยการผลิตขยายปลดปล่อย

                4.เกษตรกรเป็นผู้เชี่ยวชาญ/ชำนาญการ/ผู้จัดการที่ดีในการเลือกวิธีการควบคุมศัตรูพืชที่เหมาะสมโดยคำนึงการอนุรักษ์ศัตรูธรรมชาติ จำเพาะเจาะจงศัตรูเป้าหมาย ประหยัดปลอดภัยและยั่งยืน

วิธีจัดการควบคุมศัตรูพืชในระบบ  IPM

                1. วิธีกล ( Mechanical control )เช่น การห่อผล การดักจับทำลายการใช้พลาสติก/ตองตึงคลุมแปลง กับดักเหยื่อล่อ/กาวเหนียว การใช้มุ้งตาข่าย

                2. วิธีกายภาพ( Physical control )เช่น การใช้แดดในการตากเมล็ดพันธ์ การใช้รังสีกำจัดแมลงวันทองการใช้แสงไฟหลอดสีน้ำเงิน-ดำล่อแมลงศัตรู

                3. วิธีเขตกรรม ( Cultural control ) เช่นการรวบรวมส่วนของพืชที่ถูกศัตรูพืชทำลายเผา การปลูกพืชสลับพืชหมุนเวียนการปลูกพืชหลายชนิดและหมุนเวียน

                4. ใช้พันธุ์ต้านทาน ( Pest Resistace control ) เพื่อต้านทานโรคและแมลงต่างๆ

                5. ชีววิธี ( Biological control ) วิธีการทางชีววิธีเป็นวิธีการใช้ศัตรูธรรมชาติให้ควบคุมศัตรูพืชโดยอาศัยหลักการสมดุลธรรมชาติวิธีการนี้ใช้ได้ผลในการควบคุมแมลงศัตรู โรคพืชและวัชพืชบางชนิด เช่น การใช้ตัวห้ำ(Predators) คือสัตว์หรือแมลงชนิดใดชนิดหนึ่งที่กินสัตว์หรือแมลงอื่นเป็นอาหารเช่น ด้วงดิน แมลงหางหนีบ มวนพิฆาต งู กบ ตั๊กแตน แมงมุม ด้วงเต่า มดแดงฯลฯ การใช้ตัวเบียน(Parasitods) คือสิ่งมีชีวิตที่ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการเกาะกินอยู่ภายในหรือบนตัวสัตว์หรือแมลงอาศัย(host) ทำให้ hostอ่อนแอและตายก่อนกำหนดสามารถเข้าทำลายได้ในทุกระยะการเจริญของสัตว์/แมลงที่อาศัยคือระยะไข่,ระยะตัวหนอน,ดักแด้,ตัวเต็มวัยการใช้ชีวภัณฑ์ ในการควบคุมแมลงศัตรูพืชซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อสภาพแวดล้อมในแง่ของมลภาวะต่างๆและเชื่อว่าเป็นวิธีการควบคุมศัตรูพืชได้ถาวรกว่าวิธีการอื่นๆเช่น การใช้เชื้อราไตรโคเดอร์ม่า ควบคุมโรคพืชที่เกิดจากเขื้อราในดินได้แก่ โรครากเน่า โคนเน่า โรคเหียว โรคใบไหม้ ใบจุด เป็นต้น การใช้เชื้อราบิวเวอร์เรียควบคุมแมลงศัตรูพืชมากกว่า 60 ชนิด เช่น เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยไฟ ไรแดงเพลี้ยกระโดด หนอน เป็นต้น การใช้เชื้อ Bt (Bacillusthuringiensis) ควบคุมหนอนกัดกินใบพืช หนอนคืบ หนอนใยผัก หนอนแก้วส้มด้วงหมัดผัก เป็นต้น การใช้เชื้อ BS (Bacillussubtilis) ควบคุมแบคทีเรียและเชื้อรา โรครากเน่าเละ ใบจุดดอกร่วงไม่ติดผล(ไม้ผล) เป็นต้น การใช้ไวรัสควบคุมศัตรูพืช เช่นการจัดการหนอนคืบกระหล่ำปลี หนอนเจาะสมอฝ้าย เป็นต้น การใช้ไส้เดือนฝอยควบคุมแมลงศัตรู

                6. ใช้สารสกัดธรรมชาติควบคุมศัตรูพืช( Plant Natural Extacts M. control ) พืชสมุนไพรหลายชนิดมีคุณสมบัติควบคุม/กำจัด/ไล่แมลงศัตรูพืช และกำจัดโรคพืชได้ เช่น สะเดา ข่า เสี้ยน ขมิ้นชัน บอระเพ็ดสาบเสือ หนอนตายหยาก หางไหล(โล่ติ้น) ตะไคร้หอม ลูกตะโก ใบยูคาลิบตัส หัวไพรใบมะรุมฯลฯ

                7. ใช้กฎหมาย ( Legal control ) เช่นการกักกันพืช การนำเข้าศัตรูธรรมชาติ ประกาศกระทรวงฯ(พืช พาหะ เป็นสิ่งต้องห้าม)

                8. ใช้สารเคมี ( Chemecal control ) เป็นวิธีการสุดท้ายของการจัดการศัตรูพืชโดยวิธีผสมผสาน (Integrated Pest Management : IPM) เช่น การใช้สารกำจัดวัชพืช สารกำจัดแมลง สารป้องกันและกำจัดโรคพืช ฯลฯเพราะการใช้สารเคมีมีผลกระทบข้างเคียงทางลบมากมาย

นายนเรศ ฝีปากเพราะผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 6 จ.เชียงใหม่กล่าวว่าการจัดการศัตรูพืชโดยวิธีผสมผสาน (Integrated Pest Management : IPM) เป็นการสร้างความมั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืนแก่เกษตรกร ทำให้ศัตรูพืชลดปริมาณในระดับที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย ประหยัดค่าใช้จ่าย ลดต้นทุนการผลิต ผลผลิตปลอดภัยได้คุณภาพอีกทั้งปลอดภัยต่อผู้ผลิต ผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ด้วยวิธีการดังกล่าวเกษตรกรสามารถเรียนรู้และสามารถทำและนำไปปฏิบัติได้สนใจในรายละเอียดสามารถสอบถามเพิ่มเติมที่ศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านอารักขาพืชจังหวัดเชียงใหม่ โทร.089-8543344   “การจัดการศัตรูพืชโดยวิธีผสมผสาน (Integrated Pest Management : IPM)ไม่ได้ทำเพื่อเกษตรกร แต่เกษตรกรต้องทำโดยเกษตรกรเองเท่านั้น เพื่อควบคุมศัตรูพืชได้อย่างยั่งยืน”  ขอขอบคุณนายศุภศักดิ์ศรีโสดานักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ และนายเจริญ ผัดยา ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านอารักขาพืชจังหวัดเชียงใหม่ ที่ให้ข้อมูลทางวิชาการ

___________________________________________________

นายกุณฑล เทพจิตรา สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 6 จ.เชียงใหม่